รองเท้าที่เหมือนกับเพื่อนที่ติดตามเราไปทุกแห่งหน และคอยปกป้องอะไรก็ตามที่มันจะมาทำร้ายเท้าของเรา ดังนั้นการเลือกรองเท้าสักคู่ จึงควรพิจารณาให้ดี เหมือนเพื่อนคู่ใจที่อย่าให้มันหันมาทำร้ายสุขภาพเท้าของเรา เพราะปัญหาที่เกี่ยวกับเท้า มักจะมีสาเหตุมาจากการสวมใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม
หลักสำคัญๆในการเลือกรองเท้า
ในการเลือกรองเท้าสักคู่ เราความเลือกให้เหมาะสม โดยพิจารณาจาก 3 เรื่องได้แก่
- ขนาดของเท้าเรา - ควรเลือกให้พอดี ไม่แน่น ไม่หลวมเกินไป
- รูปร่างของเท้าเรา - เพราะเท้าคนเรารูปร่างไม่เหมือนกัน แม้รองเท้าเบอร์เดียวกัน แต่อาจจะไม่เหมาะกับรูปร่างของเท้าเราก็ได้
- เหมาะสมกับการใช้งาน - จะใช้แบบสบายๆ ตีแบต เล่นบอล เล่นบาส หรือ วิ่ง ก็เลือกให้เหมาะสม
แต่โดยรวมๆแล้ว เราควรจะเลือกใส่รองเท้าที่ใส่แล้วสบาย ไม่แข็ง ไม่คับแคบ ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยในการเลือกรองเท้าสักคู่ ก็อาจจะแตกต่างกันไปตามการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคน เช่น ถ้าใส่รองเท้าเพื่อไปติดต่อธุรกิจ ก็จำเป็นจะต้องมีเรื่องความภูมิฐานมาเกี่ยวข้อง ในขณะที่การเล่นกีฬาก็จะให้ความสำคัญกับเรื่องของพื้นรองเท้า เช่น รองเท้าสำหรับตีแบต พื้นก็จะเป็นยาง และ ควรจะเลือกพื้นที่มีความหนาและนุ่ม เพื่อช่วยลดแรงกระแทก เวลาที่เรากระโดด หรือ พุ่งตัวออกไปด้วยความเร็ว จะได้ลดแรงสะท้อนที่จะมากระทำต่อข้อต่อ หรือ หัวเข่าเรา เป็นต้น
การเลือกซื้อรองเท้า
- เลือกขนาดและรูปร่างให้เหมาะสมกับเท้าของเรา
ความยาวของรองเท้าที่เหมาะสม คือ ส้นเท้าจะชิดส้นรองเท้าพอดี ส่วนหัวรองเท้าจะเหลือพื้นที่เท่ากับความกว้างของนิ้วหัวแม่มือโดยให้วัดจากนิ้วเท้าที่ยาวที่สุด ซึ่งอาจจะไม่ใช่นิ้วหัวแม่เท้าเสมอไป นอกจากนั้น หัวรองเท้าก็ควรจะกว้างและลึกเพียงพอที่จะไม่กดและเสียดสีกับนิ้วเท้า และสุดท้าย ส่วนที่กว้างที่สุดของรองเท้าควรจะตรงและพอดีกับตำแหน่งที่กว้างที่สุดของเท้า - เลือกซื้อรองเท้าในช่วงบ่าย
คุณอาจจะงงๆ ว่าทำไมต้องมีช่วงเวลามาเกี่ยวข้องกับการเลือกซื้อรองเท้า เหตุผลนั่นก็คือ เท้าคนเราตอนเช้ากับตอนบ่าย มันไม่เท่ากัน โดยที่ เท้าจะมีขนาดใหญ่ขึ้นประมาณครึ่งเบอร์ หลังจากผ่านการเดินมาตลอดทั้งวัน สาเหตุที่ใหญ่ขึ้นเพราะ เลือดไหลเวียนลงสู่เท้ามากขึ้น จึงควรเลือกซื้อรองเท้าในช่วงนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหารองเท้าคับเกินไปในภายหลัง - เลือกรองเท้าที่ไม่แบนเกินไป
พื้นรองเท้าที่แบนราบเกินไปไม่เหมาะกับสรีระเท้า ต่อการรับน้ำหนัก และจะทำให้เมื่อยได้ง่าย จึงควรเลือกรองเท้าที่มีพื้นรองเท้าที่นิ่มและเสริมบริเวณอุ้งเท้า พื้นรองเท้าที่แข็งไม่ว่าจะด้านนอกหรือด้านใน ล้วนแต่ส่งผลเสียต่อเท้าของเรา และกรณีพื้นด้านนอกแข็งจะไม่มีตัวดูซับแรงกระแทกเวลาที่เราก้าวเดิน ดังนั้นแรงกระแทกก็จะส่งกลับมาที่ข้อเท้า ข้อเข่า อาจจะทำให้เกิดอาการปวด
ขึ้นที่บริเวณเหล่านี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าต้องใส่รองเท้าคู่นั้นบ่อยๆ - ขณะเลือกรองเท้า ให้ลองสวมรองเท้าทั้ง 2 ข้างเสมอ
เหตุผลเพราะว่า เท้าของคนเราทั้ง 2 ข้างมันไม่เท่ากัน (แต่รองเท้าหนะ เท่ากัน) สำหรับบางคน เท้าทั้งสองข้างอาจจะต่างกันได้ถึง 1 เบอร์กันเลยทีเดียว ดังนั้นการเลือกซื้อรองเท้าจำเป็นต้องเลือกโดยยึดเอาข้างที่ใหญ่กว่าเป็นหลัก และเมื่อสวมรองเท้าแล้ว ควรลองเดินดูด้วย เพราะว่าเท้าคนเราจะแผ่กว้างขึ้นขณะที่ยืนและเดิน - ควรเลือกรองเท้าด้วยตัวเองเสมอ
เหตุผลง่ายๆก็เพราะเท้าคนเรามีรูปทรงที่แตกต่างกัน เมื่อเราไม่ได้ลองด้วยตัวเอง เมื่อฝากผู้อื่นซื้อรองเท้า หรือ สั่งมาจากอินเตอร์เน็ต ก็อาจจะได้รองเท้าที่ไม่เหมาะกับเท้าเราก็เป็นได้ และเนื่องจากคุณจะเสียดายตัง คุณก็เลยจำใจใช้มันไป และสุดท้ายมันก็ส่งผลต่อร้ายต่อเท้าของคุณ นอกจากนี้ รองเท้าแต่ละยี่ห้อ แม้จะเป็นเบอร์เดียวกันแต่ขนาดก็อาจจะไม่เท่ากัน หรือ รองเท้าที่คนละรูปทรงกัน แม้จะเบอร์เดียวกัน ขนาดมันก็ไม่เท่ากันอยู่ดี ดังนั้นให้ดีที่สุดก็ไปเลือกและลองสวมมันเดินๆดู - เผื่อเนื้อที่ไว้กันคับ
อย่าลืมว่ารองเท้าบางชนิด อาจจะต้องการอุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น แผ่นกันรองเท้ากัด แผ่นรองเท้า หรือ การใส่ถุงเท้าหนาๆ เหล่านี้จะทำให้รองเท้าเราคับมากขึ้นดังนั้น หากคิดว่าจะต้องใช้สิ่งเหล่านี้ ก็ควรจะเลือกรองเท้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้นสักเล็กน้อย โดยเฉพาะในกรณีของถุงเท้า หากเป็นถุงเท้าที่หนามาก ก็ต้องเผื่อขนาดไว้ใหญ่หน่อย - อย่าซื้อรองเท้าแบบเผื่อโต
เราชอบเห็นผู้ใหญ่พูดว่า ซื้อใหญ่ขึ้นหน่อย ซื้อหลวมๆหน่อย เผื่อเด็กมันโต นั่นเป็นเลือกที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากรองเท้าจะไม่กระชับและหากพื้นที่รองเท้าส่วนหน้าเหลือเยอะ เวลาเด็กเดินอาจจะสะดุดล้มได้ เรียกว่า เสียค่ารองเท้านิดหน่อยไม่เอา จะไปเสียค่าหมอแทน นอกจากนี้ควรระวังเล่ห์กลของเด็กน้อยไว้ด้วย เพราะถ้าเด็กชอบรองเท้าคู่ไหน รองเท้าคู่นั้นจะพอดีกับเท้าน้องเค้าเสมอ ดังนั้นทางที่ดีลองตรวจสอบให้ละเอียดก่อนซื้อ
รองเท้าที่เหมาะสมในแต่ละคน
- นักกีฬา
- ควรเลือกซื้อรองเท้ากีฬาหลังจากเดินสักพัก หรือ หลังจากเล่นกีฬาเสร็จ เพราะเท้าจะมีขนาดเดียวกันกับขณะเล่นกีฬา
- ควรเลือกที่พื้นรองเท้านิ่ม ระบายอากาศได้ดี และมีความยืดหยุ่นเพื่อรองรับแรงกระแทกได้ดี
- หากกีฬาที่เล่นมีการใช้ปลายเท้ามาก เช่น การวิ่ง ควรเลือกรองเท้าที่มีน้ำหนักเบา กระชับ และมีการออกแบบให้รองรับแรงกระแทกส่วนหน้าโดยเฉพาะ
- มีโครงช่วยประคองข้อเท้าด้านหลัง (heel counter)
- ถ้าเป็นกีฬาที่ต้องใช้การบิดหรือการหมุนของข้อเท้ามาก เช่น บาสเก็ตบอล ก็ควรเลือกรองเท้าที่หุ้มมาถึงข้อเท้า ไม่ใช่หุ้มแค่ระดับตาตุ่มเท่านั้น
- สำหรับการปิดรองเท้า จะมี 2 แบบคือผูกเชือกกับเวลโคร (ที่ชอบเรียกกันว่า ตีนตุ๊กแก) หากต้องการความกระชับมาก อย่างนักกีฬามืออาชีพ ควรเลือกแบบผูกเชือก แต่ถ้าไม่ต้องกระชับมากไปและรู้สึกว่ายุ่งยากในการผูกเชือกก็เลือกแบบเวลโคร
- ผู้มีอาการปวดส้นเท้า
- การปวดส้นเท้าส่วนใหญ่เกิดจากจุดยึดพังผืดที่อยู่บริเวณส้นเท้ามันอักเสบ ซึ่งมักปวดมากในการเดินก้าวแรกหลังตื่นนอน เพราะพังผืดถูกยืดขึ้นทันทีทันใด
- รองเท้าที่เหมาะสมกับผู้ที่มีปัญหานี้ควรมีพื้นนิ่ม มีส้นเล็กน้อย เพื่อถ่ายเทน้ำหนักไปยังเท้าส่วนหน้า
- การใส่รองเท้าที่มีการเสริมอุ้งเท้าและรวดฝ่าเท้าก่อนลุกจากเตียง รวมถึงการบริหารโดยการยืดเอ็นร้อยหวายจะช่วยลดการปวดเท้าและลดการเกิดอาการช้ำได้
- ผู้ป่วยเบาหวาน
- มักมีปลายประสาททำงานที่ผิดปรกติ ทำให้เท้าชา มีนิ้วเท้าหงิกงอ ทำให้ฝ่าเท้าด้านหน้ารับน้ำหนักมาก และนิ้วเท้าเสียดสีกับหัวรองเท้า
- ควรเลือกใส่รองเท้าพื้นนิ่ม มีหัวลึกและกว้าง
- ห้ามใช้รองเท้าคีบ เพราะอาจจะทำให้เกิดแผลบริเวณร่องนิ้วเท้าโดยไม่รู้ตัว
รองเท้าบาส หุ้มมาถึงข้อ เหมาะกับการบิด หรือ หมุนตัว |
รองเท้าสำหรับวิ่ง |
รองเท้าสำหรับตีแบด พื้นยางมักจะเป็นสีเหลือง |
รองเท้าสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน นิ่มและไม่ทำให้เกิดแผล |
ถ้ามีโอกาสได้ไปญี่ปุ่น มีรองเท้ากีฬา Ascis สนนราคาถูกว่าเมืองไทยเยอะ และเหมาะกับการวิ่งด้วย ส่วนตัวผม ไปสอยรองเท้ากีฬายี่ห้อ มิตซูโนะ มาคู่นึง แต่ไม่ว่าจะยี่ห้อไหนก็ผลิตข้างๆบ้านเรานี่แหละ
เพื่อให้ปลอดภัยต่อเท้าของเรา เราก็ควรเลือกรองเท้าให้เหมาะสมกับคุณที่สุด ไม่ต้องไปสนใจเท้าคนอื่น เพราะนี่คือ "รองเท้าของฉัน" :)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น